วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559


โครงงานคอมพิวเตอร์ ประเภท พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา

โครงงานคอมพิวเตอร์

เรื่อง 
ประเพณีวันสงกรานต์




จัดทำโดย
นางสาวจุฑาภรณ์    สีออน

ครูที่ปรึกษาโครงงาน
          ครูวทัญญู  เทพทองคำ



รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา
วิชา โครงงานคอมพิวเตอร์ (ง23102)
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์)
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุตรดิตถ์ เขต 1

บทคัดย่อ
โครงงานการพัฒนาเว็บบล็อก (Web Blog) ด้วย Blogger เรื่องประเพณีวันสงกรานต์จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเอาความรู้ความเข้าใจไปใช้ในการเรียน ทั้งนี้ได้ทำการศึกษาค้นคว้าเนื้อหาความรู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่อง ประเพณีวันสงกรานต์ โดยผู้จัดทำโครงงานสามารถพัฒนารูปแบบของเว็บบล็อกจาก Blogger ได้ด้วยตนเองและนามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้นทั้งนี้ ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผู้สนใจทั่วไปได้เป็นอย่างดี


บทที่ 1
บทนำ
ที่มา และความสำคัญ
           ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศมาการพัฒนาไปอย่างก้าวหน้าในชีวิต

ประจำวัน รวมทั้งการศึกษาไทยด้วย ในกระบวนการเรียนรู้คือแนวโน้มในการเรียนรู้แบบโต้ตอบสองทาง ที่กำลังก้าวเข้ามาแทนที่กระบวนการเรียนรู้แบบเดิม ที่สามารถทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียนในทุกระดับ มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ผู้เรียนรุ่นใหม่จะเป็นผู้เรียนที่มีความคิดรักการเรียนรู้ มีหลักในการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มีความรู้ทักษะที่จาเป็นในการแสวงหา ความรู้ด้วยตนเองมากขึ้น จึงเป็นที่ยอมรับว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้กลายเป็นปัจจัยที่สำคัญในการพัฒนาประเทศการจัดการศึกษาจึงต้องมีการปรับตัวในการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการจัดการเรียนการสอนนั้น ได้มีข้อกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ว่า รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตสื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รวมทั้งให้มีการพัฒนาบุคลากรด้านการผลิตและผู้ใช้ให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะตลอดจนผู้เรียนให้มีสิทธิที่จะได้รับการพัฒนาเพื่อให้มีความรู้และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต

                  

ดังนั้นเพื่อให้เป็นบทเรียนที่เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบทีมในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ และยังสามารถเป็นแนวทางในการสร้างบทเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในเรื่องอื่นๆต่อไป

วัตถุประสงค์ของโครงงาน

1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก (Webb blog) ด้วย Blogger เรื่อง ประเพณีวันสงกรานต์ ได้

2 เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจเกี่ยวกับเรื่อง ประเพณีวันสงกรานต์

3 เพื่อศึกษาให้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง ประเพณีวันสงกรานต์

ขอบเขตของโครงงาน
1.จัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (Web blog) ด้วย Blogger
เรื่อง ประเพณีวันสงกรานต์
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1 ได้รับความรู้เกี่ยวกับพัฒนาเว็บบล็อก (Web blog) ด้วย Blogger เรื่อง ประเพณีวันสงกรานต์

2 ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่นำมาเป็นบทเรียนในการสร้างเว็บบล็อกคือ เรื่องประเพณีวันสงกรานต์

3 ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องของ ประเพณีวันสงกรานต์








บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง


วันสงกรานต์

                 ก็เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งแล้ว หลายคนจะเข้าใจวันสงกรานต์แต่เพียงการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่  และการเล่นน้ำสงกรานต์เท่านั้น  แต่ในความเป็นจริงประเพณีสงกรานต์นี้ยังมีคติข้อคิดและคุณค่าต่าง ๆ สอดแทรกอยู่มากมาย  เป็นประเพณีที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ในสังคมและสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน  เช่น  ความกตัญญู  ความโอบอ้อมอารี  ความเอื้ออาทรต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมโดยใช้  น้ำ เป็นสื่อกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นประเพณีหนึ่งที่เก่าแก่ของไทยที่ได้ยึดถือปฏิบัติมาแต่ครั้งโบราณ  คอลัมภ์อยู่อย่างไทยในฉบับนี้จึงขอนำเสนอคุณค่าของประเพณีสงกรานต์ให้ได้รับทราบกันดังนี้

ความเป็นมา

           สงกรานต์เป็นประเพณีที่สำคัญและสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยสันนิษฐานว่า เป็นประเพณีดั้งเดิมของอินเดีย  ต่อมาได้แพร่ขยายไปยังท้องถิ่นต่าง ๆ ได้แก่  ลาว  เขมร  พม่า  จีน  และไทย  ทั้งนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนดัดแปลงให้ต่างไปจากเดิมบ้าง ทั้งการประกอบพิธี  รูปแบบ  และพฤติกรรม  ในประเทศไทย  ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่า ได้มีประเพณีสงกรานต์มาตั้งแต่เมื่อใด แต่ได้ถือเอาวันที่ ๑๓ เมษายนของทุกปี  เป็นวันสงกรานต์  เสถียรโกเศศสันนิษฐานว่า  ไทยเรารับประเพณีขึ้นปีใหม่  ในวันที่ ๑๓ เมษายน มาจากอินเดียฝ่ายเหนือ  ช่วงเวลาดังกล่าวนี้ตรงกับการเปลี่ยนจากฤดูหนาวเป็นฤดูใบไม้ผลิ   หรือที่เรียกว่าฤดูวสันต์ของอินเดีย  จัดเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขา  เพราะเป็นช่วงที่อากาศไม่หนาวจัด  ต้นไม้ผลิใบให้ความสดชื่น  บังเอิญช่วงเวลานี้ตรงกับช่วงเวลาที่คนไทยเราในสมัยโบราณว่างจากการทำนาจึงเป็นการเหมาะสมสำหรับคนไทยที่จะฉลองปีใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย

ประวัติวันสงกรานต์
คำว่า “สงกรานต์” มาจากภาษาสันสกฤตว่า “สํ-กรานต” ซึ่งแปลว่า ก้าวขึ้น ย่างขึ้น หรือย้ายขึ้น โดยมีนัยความหมายว่า การเข้าสู่ศักราชราศีใหม่ หรือวันขึ้นปีใหม่ นั้นเอง  โดยเทศกาลสงกรานต์ นั้นเป็นประเพณีที่มีความเก่าแก่และคนไทยสืบทอดกันมาแต่โบราณคู่กับประเพณีตรุษจีนกันเลยทีเดียว จึงได้มีการรวมเรียกกันว่า “ประเพณีตรุษสงกรานต์” ซึ่งแปลว่าการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ นั้นเอง

วันมหาสงกรานต์
ในสมัยโบราณ คนไทยถือว่า วันขึ้น 1 ต่ำ เดือนอ้าย ซึ่งจะตรงในช่วงเดือน พฤศจิกายนหรือธันวาคม ให้เป็นวันขึ้นปีใหม่  แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการเปลี่ยนให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ จนต่อมาในสมัยยุค จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในปี พ.ศ. 2483 ได้เปลี่ยนวันปีใหม่ให้เป็นวันสากล คือ วันที่ 1 มกราคม  แต่ถึงอย่างไร คนโบราณก็ยังคงคุ้นเคยกับวันปีใหม่ไทยในเดือนเมษายน จึงได้กำหนดให้วันที่ 13 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยร่วมด้วย
นางสงกรานต์ 2559 “มณฑาเทวี” 

  1. นางทุงษะเทวี
  2. นางรากษเทวี
  3. นางโคราคเทวี
  4. นางกิริณีเทวี
  5. นางมณฑาเทวี
  6. นางกิมิทาเทวี
  7. นางมโหธรเทวี

นางสงกรานต์ ในโบราณมีการกำหนดไว้ถึง 7 นางด้วยกัน ซึ่งแต่ละนางก็จะมีความหมาย คำทำนายที่แตกต่างกันออกไป โดยทั้ง 7 นางสงกานต์ จะประกอบไปด้วย
สำหรับวันสงกรานต์ ปี 2559 นี้ นางสงกรานต์ ได้แก่ “มณฑาเทวี” โดย นางสงกรานต์นามว่า “มณฑาเทวี” ทรงพาหุรัด ทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย หัตถ์ขวาทรงเหล็กแหลม หัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จไสยาสน์ลืมเนตร (นอนลืมตา) มาเหนือหลังคัสพะ (ลา) เป็นพาหนะ

นางสงกรานต์
            นางสงกรานต์เป็นธิดาของท้าวมหาสงกรานต์หรือท้าวมหาพรหม มีหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันดูแลเศียรของท้าวกบิลพรหมซึ่งประดิษฐานอยู่ในพานแว่นฟ้า  เนื่องจากท้าวกบิลพรหมแพ้พนันการตอบปัญหาแก่ธรรมบาลกุมารจึงต้องตัดเศียรของตนบูชาแก่ธรรมบาลกุมาร  ก่อนจะตัดเศียรท้าวกบิลพรหม ได้เรียกธิดาทั้ง  ๗  ซึ่งเป็นนางฟ้า  บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาให้เอาพานมารองรับ  เนื่องจากเศียรของท้าวกบิลพรหมเป็นที่รวมแห่งความร้ายทั้งปวง ถ้าวางไว้บนแผ่นดินไฟจะไหม้โลก  ถ้าโยนขึ้นไปบนอากาศฝนจะแล้ง  ถ้าทิ้งลงในมหาสมุทรน้ำจะแห้ง  ธิดาทั้ง  ๗  จึงผลัดเปลี่ยนกันถือพานรองเศียรของ ท้าวกบิลพรหมไว้คนละ ๑  ปี

                                                          สรงน้ำพระในวันสงกรานต์

กิจกรรมในวันสงกรานต์
ทำบุญตักบาตร วันมหาสงกรานต์ ประชาชนจะลุกขึ้นมาตอนเช้าเพื่อที่จะจัดเตรียมอาหาร ไปตักบาตรถวายพระ พอจัดเตรียมอาหารเสร็จก็จะ บรรจงลงภาชนะมีถ้วยโถโอชามที่สวยงาม แล้วเอาวางเรียงลงในถาด เพื่อนำไปทำบุญตักบาตรและเลี้ยงพระประจำหมู่บ้านของตน  เรื่องการแต่งตัว จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สะอาดสวยงามมิดชิดเหมาะแก่การไปวัดของชาวบ้าน 
ก่อพระเจดีย์ทราย ใน สมัยก่อนทีเรื่องเล่าขานกันว่าทุกคนเมื่อเข้าวัดมาแล้วเวลาเดินออกจากวัดจะ มีเม็ดทรายติดเท้าออกไปด้วยเพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการเติมเต็มจึงมีการขนทราย เข้าวัดหรือการก่อพระเจดีย์ทรายนั้นเองแต่ถึงอย่างไรแล้วการก่อพระเจดีย์ ทรายก็เป็นเพียงกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมกันทำเพราะตอน เย็นๆชาวบ้านก็จะพากันไปที่ท่าน้ำแล้วขนทรายกันมาคนละถังเพื่อนำทรายมาก่อ เป็นพระเจดีย์นั่นถือว่าเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่จะให้ชาวบ้านมีความสามัคคี กรมเกลียวเพราะเมื่อขนทรายเข้าวัดแล้วทรายก็จะล้นวัดพระสงฆ์ก็จะนำทรายที่ ชาวบ้านขนมานำไปคืนสู่แม่น้ำดังเดิมเพราะไม่รู้จะเก็บไว้ทำอะไรเพราะฉะนั้น แล้วเวลาขนทรายเข้าวัดควรจะขนเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นพอเพราะจะสร้างความ ลำบากให้พระเณรในภายหลัง


สรงน้ำ รดน้ำ และเล่นน้ำ การ สรงน้ำพระพุทธรูป มีดอกไม้ ธูปเทียน ไปบูชา แล้วเอาน้ำอบไปประพรมที่องค์พระ ทำเป็นสังเขปพอเป็นพิธีว่าได้แสดงความเคารพบูชาและสรงน้ำท่านในวันขึ้นปี ใหม่แล้ว เมื่ออัญเชิญพระพุทธรูปมา ก็มีการแห่แหนกันอย่างสนุกสนาน สรงน้ำพระพุทธรูปแล้วก็มีการสรงน้ำพระสงฆ์ โดยมากมักเป็นสมภารเจ้าวัดเป็นการสรงน้ำจริงๆ สรงเสร็จครองไตรจีวรใหม่ที่อุบาสกอุบาสิกานำ มาถวาย ท่านก็ขึ้นธรรมาสน์เทศน์อำนวยพรปีใหม่ให้แก่ผู้ที่ไปสรงน้ำ นอกจากนี้ยังมีการ รดน้ำญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ เพื่อขอศีลขอพรตามประเพณี
                                                             สรงน้ำพระ

ประกวดนางสงการนต์


เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับวันสงกรานต์
ในวันสงกรานต์ของประเทศไทยในแต่ละภาคจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
‹    –  สงกรานต์ภาคกลาง
13 เมษายน จะเรียกว่า “วันมหาสงกรานต์” และถือเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติอีกด้วย
14 เมษายน จะเรียกว่า “วันเนา” และถือเป็นวันครอบครัว
15 เมษายน จะเรียกว่า “วันเถลิงศก” ถือว่าเป็นวันเริ่มจุลศักราชใหม่
   – สงกรานต์ภาคเหนือ
13 เมษายน จะเรียกว่า “วันสงขารล่อง” ความหมายว่า อายุสิ้นปีหมดไปอีกปี
14 เมษายน จะเรียกว่า “วันเน่า” วันที่ห้ามพูดคำหยาบคาย
15 เมษายน จะเรียกว่า “วันพญาวัน” ถือว่าเป็นวันเริ่มจุลศักราชใหม่
   – สงกรานต์ภาคใต้
13 เมษายน จะเรียกว่า “เจ้าเมืองเก่า” เชื่อกันว่าวันที่เทวดารักษาบ้านเมืองจะกลับบนสวรรค์
14 เมษายน จะเรียกว่า “วันว่าง” วันที่ปราศจากเทวดารักษาเมือง
15 เมษายน จะเรียกว่า “วันรับเจ้าเมืองใหม่” วันรับเทวดาองค์ใหม่เพื่อดูแลบ้านเมืองแทนองค์เดิม
ช่วงเวลา
ตามประเพณีเดิมของไทย วันตรุษกับวันสงกรานต์แยกเป็น ๒ วัน คือ วันสิ้นปีทางจันทรคติ ได้แก่ วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ เป็นวันตรุษ ส่วนวันขึ้นปีใหม่ทางสุริยคติ คือ วันที่ดวงอาทิตย์ก้าวขึ้นสู่ราศีเมษ มักตรงกับวันที่ ๑๓ เมษายน เป็นวันสงกรานต์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงรวมวันขึ้นปีใหม่มาไว้ในวันที่ ๑ เมษายน เรียกว่า พระราชพิธีตรุษสงกรานต์


คำว่า ตรุษ แปลว่า ตัดหรือขาด คือ ตัดปี ขาดปี หมายถึง วันสิ้นปี ตรุษเป็นพิธีแสดงความยินดีที่ได้มีชีวิตผ่านพ้นมาด้วยความสวัสดีในรอบปีหนึ่ง ๆ เรียกว่า ส่งปีเก่า

สงกรานต์ แปลว่า ก้าวขึ้น ย่างขึ้น หรือก้าวขึ้นการย้ายที่ เคลื่อนที่ คือ พระอาทิตย์ขึ้นสู่ราศีใหม่ หมายถึงวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งตกอยู่ในวันที่ ๑๓,๑๔,๑๕ เมษายน ทุกปี แต่วันสงกรานต์ คือ วันที่ ๑๓ เมษายน เรียกว่า วันมหาสงกรานต์ วันที่ ๑๔ เป็นวันเนา วันที่ ๑๕ เป็นวันเถลิงศก


ความสำคัญ

เป็นเทศกาลวันสิ้นปีเก่าขึ้นปีใหม่ของคนไทย ซึ่งยึดถือสืบเนื่องมาแต่โบราณ เป็นระยะเวลาเข้าฤดูร้อนที่เสร็จจากการเก็บเกี่ยวข้าว จึงว่างจากการงานประจำ มีการละเล่นสนุกสนานรื่นเริงร่วมกันในแต่ละหมู่บ้าน ตำบลหรือเมืองหนึ่ง ๆ แม้ปัจจุบันทางราชการประกาศวันที่ ๓๑ ธันวาคม เป็นวันสิ้นปี และวันที่ ๑ มกราคม ของทุกปี เป็นวันขึ้นปีใหม่ แต่ประเพณีการทำบุญและการรื่นเริงในวันตรุษและสงกรานต์ก็ยังคงมีอยู่ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย


ตรุษสงกรานต์ถือเป็นนักขัตฤกษ์ที่ขึ้นหน้าขึ้นตามาแต่ดึกดำบรรพ์ ก่อนจะถึงวันสงกรานต์จะมีการเตรียมเครื่องแต่งตัวประกวดประขันกัน


พิธีกรรม

วันตรุษและวันสงกรานต์เป็นเทศกาลสำคัญที่คนไทยยังถือว่าเป็นวันสิ้นปี วันสงกรานต์คือวันขึ้นปีใหม่ จึงต้องเตรียมงานเป็นการใหญ่จนมีคนพูดกัน "ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่" สิ่งที่ตระเตรียมเป็นพิเศษ คือ
๑. เครื่องนุ่งห่มเพื่อใส่ในโอกาสไปทำบุญที่วัด ตลอดจนเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย


๒. ของทำบุญ เมื่อใกล้จะถึงวันงานก็เตรียมของทำบุญเลี้ยงพระ และที่เป็นพิเศษ ๒ อย่าง คือ ข้าวเหนียวแดงในวันตรุษ และขนมกวนหรือกะละแมในวันสงกรานต์ ซึ่งสิ่งของ ๒ อย่างนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของการทำบุญตรุษสงกรานต์เหมือนกับการทำกระยาสารท เพราะนอกจากทำขึ้นเพื่อทำบุญแล้วยังแลกเปลี่ยนแจกจ่ายกันในหมู่บ้านใกล้เคียง

๓. การทำความสะอาดบ้านเรือนที่อาศัยตลอดจนบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้ดูเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บูชาพระและที่เก็บอัฐิบรรพบุรุษ แม้เสื้อผ้าที่ใช้สอยก็ต้องซักฟอกให้สะอาดหมดจดโดยถือว่าสกปรกให้สิ้นไปพร้อมกับปีใหม่และต้อนรับปีใหม่ ด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่อง

๔. สถานที่ทำบุญ วัดเป็นสถานที่ทำบุญสวดมนต์เลี้ยงพระ และทำต่อเนื่องกันหลายวัน เมื่อทำความสะอาดกุฏิที่อาศัยแล้ว ยังต้องทำความสะอาดหอสวดมนต์ โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ตลอดจนลานวัด เพื่อให้ดูร่มรื่นชื่นตาชื่นใจของผู้มาทำบุญในวันสำคัญ เพราะต้องใช้ในกิจกรรมหลายอย่าง ได้แก่ การทำบุญตักบาตร สวดมนต์ เลี้ยงพระ การฟังเทศน์ การก่อเจดีย์ทราย สรงน้ำพระ บังสุกุลอัฐิ การปล่อยนกปล่อยปลา บางวัดชาวบ้านยังใช้ลานวัดเป็นสถานที่รื่นเริงสนุกสนาน เช่น สาดน้ำและมีการเล่นอื่น ๆ เช่น ช่วงชัย ชักกะเย่อ เข้าทรงแม่ศรี เป็นต้น

การทำบุญถือเป็นกิจกรรมสำคัญในภูมิภาคนั้น ถ้าตรุษกับสงกรานต์ต่อเนื่องกันจะทำติดต่อกันไป แต่ถ้าไม่ต่อเนื่องกันก็จะทำบุญอันเป็นส่วนของตรุษส่วนหนึ่งแล้วเว้นระยะไปเริ่มทำบุญวันสงกรานต์อีกส่วนหนึ่ง แต่ในบางจังหวัดแม้วันตรุษและสงกรานต์อยู่ห่างกันมากน้อยเพียงใด ก็คงทำบุญต่อเนื่องกันจนสิ้นวันสงกรานต์ การรื่นเริงจะเริ่มมีตั้งแต่วันตรุษติดต่อกันไปจนสิ้นวันสงกรานต์ ไม่ว่าวันตรุษและวันสงกรานต์จะต่อเนื่องกันหรือไม่

แต่ในส่วนกลางคือกรุงเทพมหานคร มีการทำบุญและการรื่นเริงกัน เฉพาะในวันมหาสงกรานต์เท่านั้น และมักจะมีวันเดียวกันคือวันที่ ๑๓ เมษายน


การทำบุญ

มีการทำบุญในตรุษสงกรานต์ทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฎร์ เช่น การก่อพระเจดีย์ทราย การปล่อยนกปล่อยปลา การสรงน้ำพระ การสรงน้ำพระพุทธรูป การสรงน้ำพระภิกษุสามเณร การรดน้ำผู้ใหญ่ การทำบุญอิฐ การสาดน้ำ การแห่นางแมว

สาระ


๑. เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงการที่ชีวิตได้ผ่านพ้นไปปีหนึ่ง และจะต้องเผชิญกับชีวิตในปีใหม่อีกต่อ      ไปด้วยความไม่ประมาท
๒. เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้แพร่หลายยิ่งขึ้นไป
๓. เป็นการส่งเสริมความสำนึกในกตัญญูกตเวทีที่แสดงต่อบุพการี และบรรพบุรุษ


๔. เป็นการสืบทอดการละเล่น การละเล่นพื้นเมือง และประเพณีอันดีงาม

๕. มีการชักชวนให้งดเว้นอบายมุข เช่น งดเว้นการดื่มสุราเมรัย การเล่นการพนัน















บทที่ 3
วิธีดำเนินงานโครงงาน

ในการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger 

เรื่องประเพณีวันสงกรานต์นี้ ผู้จัดทาโครงงานมีวิธีดำเนินงานโครงงาน ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือที่ใช้ในการพัฒนา

       3.1.1 เครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

       3.1.2 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก คือ http://www.blogger.com

       3.1.3 เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เช่น http://www.facebook.com 

3.2 ขั้นตอนการดาเนินงาน

       3.2.1 คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน

       3.2.2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ คือเรื่องประเพณีวันสงกรานต์       
     3.2.3 ศึกษาการสร้างเว็บบล็อกที่สร้างจากเว็บไซต์ blogger จากเอกสารที่ครูประจาวิชากำหนด และจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่นาเสนอเทคนิค วิธีการสร้างเว็บบล็อก

วิธีการสร้างเว็บบล็อก
1.  เข้าไปที่ http://www.blogger.com  จากนั้นใส่ E-mail ลงในช่องและคลิกถัดไป ดังรูป


2.คลิกที่ บล็อกใหม่ และกำหนดหัวข้อ ตั้งชื่อเว็บไซต์ และเลือกแม่แบบ ดังรูปเมื่อสร้างบล็อกเสร็จให้กลับมาที่หน้า Home จะเห็นว่าบล็อกของเราไม่มีบทความ 








3.เมื่อสร้างบล็อกเสร็จให้กลับมาที่หน้า Home จะเห็นว่าบล็อกของเราไม่มีบทความ ให้คลิกที่รูปปากกาสีส้ม ดังรูป




4.ทำการพิมพ์หรือคัดลอกโครงงาน และแทรกรูปตามต้องการแล้วกดเผยแพร่ ดังรูป


   
    3.2.4 จัดทำโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อนำเสนอครูที่ปรึกษา

    3.2.5 ปฏิบัติการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger 

เรื่องประเพณีวันสงกรานต์ โดยการสมัครสมาชิก และสร้างบทเรียนที่สนใจตามแบบเสนอโครงร่างที่เสนอไว้แล้ว

    3.2.6 นำเสนอรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะๆ โดยแจ้งให้ครูที่ปรึกษาโครงงานเข้าไปตรวจความก้าวหน้าของโครงงานผ่านเว็บไซต์ http://www.blogger.com/ ของตัวเอง ซึ่งครูที่ปรึกษาจะให้ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้จัดทาเนื้อหาและการนำเสนอที่น่าสนใจต่อไป ทั้งนี้เมื่อได้รับคำแนะนาก็จะนามาปรับปรุง แก้ไขให้เป็นที่สนใจยิ่งขึ้น

    3.2.7 จัดทำเอกสารรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ โดยนำเสนอในรูปแบบไฟล์คอมพิวเตอร์และนำฝากข้อมูลไฟล์

    3.2.8 ประเมินผลงาน โดยการนำเสนอผ่านเว็บบล็อก ที่ชื่อ Jutapornbhtm3.biogspot.com แล้วให้ครูที่ปรึกษาประเมินผลงาน และให้เพื่อนๆ ผู้สนใจเข้าร่วมประเมิน โดยการคอมเมนท์ในหน้าเว็บบล็อก

    3.2.9 นำเสนอผ่านเว็บบล็อก ที่ชื่อ Jutapornbhtm3.blogspot.com เพื่อให้ผู้สนใจศึกษาหาความรู้ต่อไป



บทที่ 4
ผลการดำเนินงานโครงงาน
การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger เรื่องประเพณีวันสงกรานต์ นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger เพื่อให้ผู้จัดทำโครงงานสามารถนามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผู้สนใจทั่วไป ซึ่งมีผลการดำเนินงานโครงงาน ดังนี้การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger เรื่องประเพณีวันสงกรานต์ นี้ ผู้จัดทำได้เริ่มดำเนินงานตาม
4.1 ผลการพัฒนาเว็บบล็อก ขั้นตอนการดำเนินงานที่เสนอในบทที่ 3 แล้ว แล้วได้สมัครเป็นสมาชิกเว็บบล็อกที่ชื่อ http://www.blogger.com จากนั้นได้นำเสนอเผยแพร่ผลงานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา โดยได้นำเผยแพร่ที่เว็บบล็อกชื่อ Jutapornbhtm3.blogspot.com 

ทั้งนี้เว็บบล็อกดังกล่าว สามารถจัดการและเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นๆ ได้เป็นอย่างดี โดยทั้งครูที่ปรึกษา เพื่อนๆในห้องเรียนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ โดยแสดงความเห็นในเนื้อหาและรูปแบบของการนาเสนออย่างหลากหลาย ซึ่งทำให้เกิดการเรียนรู้และเป็นแหล่งเรียนรู้ในโลกออนไลน์อย่างหลากหลายและรวดเร็ว









บทที่ 5
สรุปผลการดำเนินงาน และข้อเสนอแนะ
การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger 
เรื่องประเพณีวันสงกรานต์ นี้สามารถสรุปผลการดาเนินโครงงาน และข้อเสนอแนะ ดังนี้
5.1 การดำเนินงานจัดทำโครงงาน

     5.1.1 วัตถุประสงค์ของโครงงาน

       5.1.1.1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Blogger เรื่องประเพณีวันสงกรานต์

       5.1.1.2 เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องประเพณีวันสงกรานต์

       5.1.1.3 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนารูปแบบของเว็บบล็อกจาก Blooger ได้ด้วยตนเองและนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้น

     5.1.1.4 เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผู้สนใจทั่วไป

     5.2.2 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือที่ใช้ในการพัฒนา

       5.2.1.1 เครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

       5.2.1.2 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก คือ  http://www.blogger.com

       5.2.1.3 เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เช่น http://www.facebook.com

5.2 สรุปผลการดำเนินงานโครงงาน
       ขั้นตอนการดำเนินงานที่เสนอในบทที่ 3 แล้ว แล้วได้สมัครเป็นสมาชิกเว็บบล็อกที่ชื่อ http://www.blogger.com จากนั้นได้นำเสนอเผยแพร่ผลงานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา โดยได้นาเผยแพร่ที่เว็บบล็อกชื่อ Jutapornbhtm3.biogspot.com ทั้งนี้เว็บบล็อกดังกล่าว สามารถจัดการและเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นๆ ได้เป็นอย่างดี โดยทั้งครูที่ปรึกษา เพื่อนๆในห้องเรียนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ โดยแสดงความเห็นในเนื้อหาและรูปแบบของการนำเสนออย่างหลากหลาย ซึ่งทำให้เกิดการเรียนรู้และเป็นแหล่งเรียนรู้ในโลกออนไลน์อย่างหลากหลายและรวดเร็ว
5.3 ข้อเสนอแนะ
        5.3.1 ข้อเสนอแนะทั่วไป
              5.3.1.1 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก คือ Blogger เป็นเว็บบล็อกสำเร็จรูปที่ใช้ทำเว็บไซต์ได้ง่าย และรวดเร็ว แต่ถ้าเราใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม ก็จะส่งผลต่อการละเมิดลิขสิทธิ์และได้รับความรู้ที่ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นผู้จัดทาควรเผยแพร่สิ่งที่ดี ๆ ให้บุคคลที่เข้ามาเยี่ยมหรือศึกษาได้ความรู้และสิ่งดี ๆ นาไปเผยแพร่ต่อให้ผู้อื่นมาศึกษาความรู้ ที่เป็นประโยชน์ต่อไป
       5.3.1.2 ควรมีการจัดทาเนื้อหาของโครงงานให้หลากหลายให้ครบทุกกลุ่มสาระ การเรียนรู้
       5.3.1.3 ควรมีการจัดทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนเพิ่มเติม
       5.3.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการพัฒนา
              5.3.2.1 เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอกับการทาโครงงาน และบางครั้งอินเทอร์เน็ตมีปัญหา เข้าพร้อมกันก็จะทาให้ช้า จึงทาให้การพัฒนาเว็บบล็อกเกิดความล่าช้าตามไปด้วย
       5.3.2.2 เพื่อนนักเรียนบางคนเรียนรู้การพัฒนาเว็บบล็อกค่อนข้างช้า ทาให้ต้องเสียเวลาในการเรียนรู้ เพราะครูผู้สอนไม่สามารถสอนเนื้อหาเพิ่มเติมได้




วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

โดเรม่อน

ประวัติอย่างละเอียด
Doraemon : โดเรม่อน
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันที่เริ่มต้นพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่อง "Doraemon" ในประเทศญี่ปุ่น โดยจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ที่ใช้นามปากการ่วมกัน ว่า ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ โดยตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ศตวรรษที่ 22 ซึ่งจินตนาการให้เป็นแมวตัวกลมๆ มีความสามารถพิเศษ และกระเป๋าวิเศษที่บรรจุของมากมาย จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ชาย ที่ขี้แย ไม่เอาไหน คนนึง และสอดแทรกคติธรรมเข้าไป ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการ สร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบาก และกดดัน เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ บังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด
การ์ตูนเรื่องโดเรม่อน มีจุดเด่นในเรื่องของจินตนาการ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในโลกอนาคต ที่ผู้อ่านทั่วไปคาดไม่ถึง จากปลายปากกาของ อ. ทั้งสอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งสอดแทรกศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเข้าไปในตัวการ์ตูน แบ่งลักษณะนิสัยของคนออกมาในแต่คาแร็คเตอร์ได้อย่างลงตัว เหมือนกับนำเอาชีวิตจริงของผู้อ่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ์ตูนด้วย ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงเป็นที่นิยม อ่านได้ทุกเพศทุกวัย จนทำให้มีการพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้มากมาย สามารถขายได้ถึง 100 ล้านเล่มใน ญี่ปุ่น และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ถึง 9 ภาษา รวมทั้งภาษาไทยอีกด้วย นอกจากการ์ตูนแล้ว โดเรม่อน ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนต์ทางจอเงิน และจอแก้วมากมายหลายตอน โดยฉายครั้งแรกที่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2524 และฉายที่ประเทศไทยเราครั้งแรก วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2525
ของวิเศษที่โดเรม่อนใช้บ่อยๆ
คอปเตอร์ไม้ไผ่
คัปเตอร์ไม้ไผ่ ทำจากไม้ไผ่ ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "Take (ไม้ไผ่) Koputa (คัปเตอร์) " เมื่อจะใช้ก็นำไปวางไว้บนหัวจะทำให้สามารถบินได้ เป็นเครื่องมือที่โนบิตะและโดราเอม่อนใช้เกือบทุกตอนเพราะใช้งานง่ายและไม่ค่อยมีอันตราย สามารถบินได้ในระยะทาง 600 กม. และความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อชม. เช่นสามารถใช้บินจากโตเกียวถึงโอซาก้าในเวลาประมาณครึ่งชม.
ประตูสารพัดสถานที่
หากเปิดประตูนี้ออกแล้วพูดชื่อว่าจะไปที่ไหนประตูก็จะเปิดออกไปยังสถานที่นั่นทันที ประตูเป็นประตูไม้ในแบบโบราณ เป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายที่สุด ของวิเศษชิ้นนี้ถูกใช้บ่อยๆ ทำให้เราได้เห็นสถานที่ต่างๆ ในการ์ตูนได้มากมายหลายที่ ตามจินตนาการ
ไฟฉายย่อส่วน
รูปร่าง และวิธีใช้คล้าย ๆ กับไฟฉายทั่ว ๆ ไป ใช้สำหรับย่อสิ่งของหรือขยายสิ่งของให้ใหญ่หรือเล็กก็ได้ มีประโยชน์มาก และโดเรม่อนก็นำมาใช้บ่อยๆ อีกด้วย
ไทม์แมชชีน
เครื่องทาม์แม็คชีนเป็นพาหนะที่สามารถใช้เดินทางย้อนเวลาไปอดีต หรือ เดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตได้ โดยทางเข้าและทางออกจะอยู่ในลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะ โดราเอม่อนและเพื่อนๆ สามารถใช้เดินทางไปอนาคตได้ แต่ว่าเครื่องนี้ก็ไปส่งผิดที่ผิดเวลาบ่อย ๆ
ตอนจบ โดเรมอนว่ากันว่ามีสองแบบ
วันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันธรรมดาทั่ว ๆ ไป โนบิตะกลับมาจาก โรงเรียน ขึ้นไปยังห้องนอน และพบโดเรมอนกำลังนอน หลับอยู่เหมือนปกติ นี่ ! โดเรมอน ตื่นมาเล่นกันเถอะ แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะคิดว่าโดเรมอนคงเหนื่อยมาก จึงปลุกไม่ตื่น ดังนั้นโนบิตะจึงออกไปเล่นกับ ชิซูกะ และ เพื่อนคนอื่น หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงโนบิตะกลับมายังบ้าน แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะรู้สึกแปลกใจ และพยายามปลุกโดเรมอนแต่ก็ไม่ปฎิกริยาใด ๆ ทั้งสิ้นจากโดเรมอน โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัวและเหนื่อยที่จะปลุกโดเรมอน โนบิตะพยายามทำทุกอย่างแต่โดเรมอนก็ไม่ยอมตื่น โนบิตะรู้แล้วว่า มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปและมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โนบิตะเริ่มร้องไห้โฮแต่โดเรมอนก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว และแล้วโนบิตะก็คิดอะไรขึ้นมาได้ 1 อย่าง และกระโดดเข้าไปในโต๊ะที่มีไทม์แมชชีน และ โนบิตะก็ได้ไปในอนาคตเพื่อที่จะพบโดเรมีน้องสาวของโดเรมอน โนบิตะขอร้องให้โดเรมีช่วยและฝืนใจโดเรมีให้กลับมาในปี 1998 หลังจากที่มาถึง โดเรมีก็ได้เข้าไปตรวจสอบในตัวโดเรมอนว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที โดเรมีก็บอกโนบิตะว่า แบตเตอร์รี่หมดโนบิตะถูกทำให้เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นและถามโดเรมีเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่า
แบตเตอรี่หมดหรือ ? อย่างงั้นโดเรมอนก็ไม่เป็นไรสิ ใช่ไหม? ถ้างั้น ช่วยเปลี่ยยแบตเตอร์รี่ใหม่ให้หน่อยทำให้โดเรมอนกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม โดเรมีมองมาที่โนบิตะ และสั่นหน้า แล้วพูดว่าฉันควรจะเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่หรือ โนบิตะจึงถามกลับว่า ทำไมโดเรมีจึงพูดอย่างนั้น โดเรมีจึงตอบ ว่า แบตเตอร์รี่หลักของโดเรมอนอยู่ตรงนี้ ใกล้กับกระเป๋าและก็ถูกใช้หมดแล้ว แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีแบตเตอร์รี่สำรองอยู่ที่หูแต่อย่างทีรู้ ๆ กันอยู่ว่า หูทั้งสองข้างของโดเรมอนถูกหนูกินไปเมื่อหลายปีก่อนดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีแบตเตอรรี่สำรอง โนบิตะ จึงถามโดเรมี เธอหมายความว่าไงน่ะ ฉันหมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่โดเรมอนจะสูญเสียความจงจำทั้งหมดเกี่ยวกับโนบิตะตลอดกาล แล้วฉันควรจะเปลี่ยนหรือ อะไรนะ โนบิตะปิดตาแล้วก็ร้องไห้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที โนบิตะก็หยุดร้อง และพูดเบา ๆ กับโดเรมีว่า ขอบคุณมาก ผมจะจัดการส่วนที่เหลือเอง เธอควรจะกลับไปยังอนาคตได้แล้วโดเรมีไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็เข้าไปกอดโนบิตะ แล้วโดเรมีก็ลาโนบิตะกลับบ้าน หลังจากที่โดเรมีกลับไปแล้ว โนบิตะก็อุ้มโดเรมอนไปไว้บนชั้น
---- หลายปีผ่านไป------------
ในปี 2010 โนบิตะโตเป็นผู้ใหญ่ ตั้งแต่วันนั้น โนบิตะก็เปลี่ยนแปลงและเรียนหนังสืออย่างหนัก และก็ไม่เคยร้องไห้อีก และเขาอยู่โดยไม่มีโดเรมอนโนบิตะบอกชิซูกะ และ เพื่อนๆ ทั้งหลายว่า โดเรมอนต้องกลับไปยังอนาคตและไม่สามารถมา พบเพื่อน ๆ ทั้งหลายได้อีกแล้วชิซูกะประทับใจในตัวโนบิตะที่มีความเปลี่ยนแปลง และต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิงและทั้งสองก็รักกัน แล้วแต่งงานกัน โนบิตะเป็นนักวิทยาศาสตร์และทำห้องของเขาเป็นห้องทดลอง และเขาก็ได้ตั้งใจทำงานอย่างหนักในงานของเขาและห้ามไม่ให้ชิซูกะ เข้ามายังห้องทดลอง และแล้ววันหนึ่งโนบิตะก็เรียกให้ชิซูกะเข้ามายังห้องทดลอง และมันเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะเข้ามายังห้องของสามีของเธอในขณะที่เธอเข้ามายังห้อง เธอถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเธอเห็นโดเรมอนเพื่อนเก่าของเธอที่เคยเล่นด้วยกัน ในตอนที่ยังเป็นเด็กโดเรมอนไม่ขยับ และ เหมือนกับกำลังหลับ ดูนี่! ชิซูกะผมจะเสียบปลั๊กแล้วนะโนบิตะเปิดสวิตช์หลัก บนตัวของโดเรมอน โดเรมอนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเป็นเป็นช่วงที่ ทำให้เข้าใจได้ว่าใครเป็นผู้ที่คิดค้นโดเรมอนขึ้นมาซึ่งก็คือโนบิตะนั่นเอง เขาเรียนอย่างหนัก เพื่อที่ว่าจะได้พบ และพูดคุย กับโดเรมอนเพื่อนรักของเขา ที่มารู้จักกัน แล้วก็จากไป
โนบิตะเป็นผู้หนื่งที่ได้สร้างโดเรมอนขึ้นมาเขาคิดค้นโปรแกรม และโครงสร้างทั้งหลาย สำหรับหุ่นยนต์โดเรมอน โนบิตะและชิซูกะร้องไห้อย่างเงียบ ๆ โดเรมอนก็ลืมตาขี้น และก็พูดว่า โนบิตะนายทำการบ้านเสร็จแล้วหรือ มันเหมือนกับมี ก้อนเมฆสีขาวก้อนเดิม อยู่บนท้องฟ้าช่างเหมือนกับเวลาแห่งความทรงจำในอดีต ที่พวกเขามีร่วมกัน
ตอนจบของโดเรม่อน แบบที่ 2
ตอนจบของเรื่องที่อาจารย์ ฟูจิโกะ และฟูจิโอะร่างไว้เป็น ตอนจบจริงๆของ โดเรมอนไม่ใช่ โดเรมอน กลับอนาคตหรอก... จริงๆแล้วของ original ที่ อ.ฟุจิโกะ เขียนเป็น story board ไว้ก่อนที่จะอ.จากไป วันหนึ่ง ฉากในโรงพยาบาล โนบิตะตื่นขึ้นมา และเจอพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ครบทุกคนยืนอยู่รอบเตียง แล้วโนบิตะก็ถามถึงโดเรมอน ทุกคนกลับปฎิเสธว่า ไม่รู้จักและบอกโนบิตะว่า โนบิตะหลับมานานเป็นปีแล้วเนื่องจากไม่สบาย และโนบิตะก็นึกย้อนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโดเรมอน ทั้งการผจญภัยต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความฝันเท่านั้นโดเรมอน เซวาสึ โดเรมี ล้วนเป็น ความฝันของเขาทั้งสิ้น โนบิตะเป็นเด็กที่ไม่แข็งแรง และไม่มีเพื่อนรักที่ จะอยู่ด้วย เขาต้องนอนโรงพยาบาลตลอดเวลาและเขาก็หลับไป ฉากต่อมา เริ่มที่ พ่อแม่และเพื่อนๆของโนบิตะร้องไห้กันอยู่ในงานศพของ โนบิตะ..เขาจากไปก่อนวัยอันควร..และเรื่องราวทุกอย่างก็จบลง ที่โนบิตะฝันถึงโดเรมอนและอนาคตนั้นเป็นเพราะเขารู้ดีว่า เขาจะต้อง ตายในอีกไม่นาน เขาจึงอยากที่จะมีอนาคตมีเพื่อนรัก มีการผจญภัยสนุกสนาน แต่ฝันของเขาก็ไม่มีวันเป็นจริง... ตลอดไป......
ตอนนี้เป็นเพียงตอนที่ยังไม่ตกลงว่าจะออกพิมพ์หรือทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน แต่อย่างใด เพราะคงไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้
ประวัติผู้แต่งประวัติย่อของ อ. ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ
ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เป็นนามปากการ่วม ของ อ. ทั้งสองท่านที่เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ คือ
  • อ. ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ เกิด 1 ธันวาคม 2476 ณ เมือง ทาคาโอกะ โทยามะ
  • อ. อาบิโกะ โมโตโอะ เกิด 10 มีนาคม 2477 ณ เมือง ไฮโอมิ โทยามะ
อาจารย์ทั้งสอง รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งทั้งสองมีความสนใจในงานเขียนการ์ตูนมาก และได้เขียนการ์ตูนในงานส่งอาจารย์ร่วมกัน จึงกระทั่งถึงชั้นมัธยมศึกษา
ในปีพ.ศ.2495 ท่านทั้งสองได้เปิดตัวหนังสือการ์ตูนเล่มแรกชื่อ "เทนชิโนะ ทามาซัง" สู่สาธารณะชน และเริ่มใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ"
ในปีพ.ศ.2497 ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงโตเกียว หลังจากนั้น 2 ปี ท่านทั้งสองก็ได้ร่วมกับนักเขียนการ์ตูนท่านอื่น (ฟูจิโอะ อาคัสซูกะ และ ไซโอทาโร่ อีชิโมริ)เปิดบริษัทชื่อ 'ชินแมงกาโตะ' หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่ม ทำการ์ตูนเคลื่อนไหว และ ได้จัดทำ 'สตูดิโอ-ซีโร่'
ในปีพ.ศ.2506 และในปีต่อมา การ์ตูนเรื่อง "โอเบเกะโนะ คิวทาโร่ (ผีน้อยคิวทาโร่)"ที่ใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ" ก็มีชื่อเสียง และ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ท่านอาจารย์ได้เขียนการ์ตูนอย่างจริงจัง จนในที่สุดก็เป็นที่รู้จักกันไปทั้วโลก และ ได้รับรางวัล หลายรางวัลจากการ์ตูนของแก ตัวอย่างการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายได้แก่ "นินจาฮาโตริ, ปาแมน, ยูเมโบชิ เดงกะ, มาทาโระกาคูรุ, ศาสตราจารย์กอล์เฟอร์ ซารุ และ โดเรม่มอน
ประมาณสิ้นปีพ.ศ.2530 ท่านอาจารย์ทั้งสองก็ได้แยกตัวอิสระและใช้นามปากกาของตัวเอง โดยอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้ใช้นามปากกา Fujiko Fujio (A) ส่วนอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เปลี่ยนมาใช้ Fujiko Fujio(F) และ ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ Fujiko F. Fujio
ท่านอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้เสียชีวิต ในปีพ.ศ.2531
ส่วนท่านอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เสียชีวิต ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2539
เนื้อเพลง โดเรมอนนะ
(เนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่น)
คอนนะโคะโตะอิอินะ เดะคิตะระอิอินะ
อันนะยูเมะคอนนะยูเมะ อิพพะอิอะรูเคะโด
มินนะมินนะมินอินะ คะนะเอะเตะคุเระรุ
ฟูชิงินะพกเก็ตโตะดะ คะนะอิเตะคูเระรู
โซราจิยูนิ โทบิตะอินะ
ฮาอิ ทาเคะคอปต้า
อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ..มอนน...
(เนื้อเพลงแปลเป็นภาษาไทย)
เรื่องอย่างนี้ดีจังเลย ถ้าทำได้ละก็ยอดไปเลยนะ
ความฝันเหล่านี้ เหล่านั้น มีตั้งเยอะตั้งแยะแน่ะ
ทุกคนก็เป็นคนดี มาเติมฝันเหล่านั้นให้เต็ม
ด้วยกระเป๋าวิเศษนี้ มาช่วยเติมฝัน
อยากบินได้อย่างอิสระบนท้องฟ้าจังเลยนะ
ไฮ้ { นี่ไง ( เสียงของโดเรม่อน ) } คอปเตอร์ไม้ไผ่
อัง อัง อัง ชอบมากๆ เลยล่ะ โดราเอม่อน
โดเรามอนชุดพิเศษ
>> ไดโนเสาร์ของโนบิตะ
>> บุกดินแดนมหัศจรรย์
>> ตะลุยปราสาทใต้สมุทร
>> ตะลุยแดนปีศาจ
>> สงครามอวกาศ
>> ผจญกองทัพมนุษย์เหล็ก
>> เผชิญอัศวินไดโนเสาร์
>> ตะลุยดาวต่างมิติ
เหตุที่โดเรมอนกลัวหนู
โดเรม่อนเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2112 ที่โรงงานหุ่นยนต์ มีตัวสีเหลืองแต่แล้ว วันหนึ่งก็ถูกหนูกัดหู ก็เปลี่ยนสีอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน โดราเอมอนก็กลัวหนูตั้งแต่นั้นมา
ต้นคิด โดเรมอน
วันหนึ่งในปี พ.ศ. 2512 อาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ต้องเขียนการ์ตูนเรื่องใหม่ ดังนั้นท่านจึง ได้ไปปรึกษากับ อาจารย์โมโตโอะ อาบิโกะ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอกลับบ้าน อาจารย์ฟูจิโมโตะ ก็ยังคิดไม่ได้ว่าจะเขียนการ์ตูนอะไรดี ตอนนั้น...เนื่องจากใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้ว ท่านง่วงและเผลอหลับไป
เช้าวันต่อมา...อาจารย์ฟูจิโมโตะถูกปลุกด้วยแมวที่บ้านและนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คิดการ์ตูนเรื่องใหม่ อาจารย์รีบวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง แต่ก็สะดุดอะไรบ้างอย่าง อาจารย์ฟูจิโมโตะสะดุดตุ๊กตาของลูกสาวของเขานั่นเอง และนั่นทำให้อาจารย์เกิดไอเดีย โดยนำแมว และ ตุ๊กตา มาผสมกัน
ในที่สุด อาจารย์ฟูจิโมโตะก็คิดออกว่า การ์ตูนเรื่องใหม่ที่จะเขียนเป็น เรื่องอะไร จากนั้นไอเดียเริ่มพุ่งกระฉูด โนบิตะและตัวการ์ตูนอื่นๆก็เริ่มตามมา ในที่สุดโดเรม่อนก็กลายเป็นการ์ตูนยอดฮิตของเด็กๆ



Doraemon : โดเรม่อน
โดเรม่อน หรือโดราเอม่อน เป็นแมวหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ยุคศตวรรษที่ 22 เกิดวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2655 มีน้ำหนัก 129.5 กก. ความสูง 129.3 ซม. กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม. ลักษณะตัวอ้วนกลมสีน้ำเงิน ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูกิน ไม่มีนิ้วมือ มีกระดิ่งห้อยคอสีเหลือง มีหนวดหกเส้น มีกระเป๋าหน้าสำหรับเก็บของวิเศษ สารพัดอย่างที่สุดยอด อาหารที่ชอบที่สุดคือ แป้งทอด (โดรายากิ) สิ่งที่กลัวที่สุดคือ หนู
Nobita : โนบิตะ
โนบิตะ เป็นตัวละครหลักของเรื่อง เป็นเด็กผู้ชายขี้แยคนนึง เป็นคนไม่เอาถ่าน อ่อนแอ ไม่เคยพึ่งพาตนเอง เรียนหนังสือไม่เก่ง สอบได้ 0 บ่อยๆ มาโรงเรียนสายประจำ ถูกทำโทษบ่อยครั้ง ถือว่าเป็นตัวละครที่แย่มากๆ โนบิตะหลงรักชิซูกะ ซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน มีความหวังที่จะได้แต่งงานด้วยเมื่อเขาโตขึ้น แต่ก็มักจะมีอุปสรรค และมีคู่แข่งหลายคนเนื่องจากชิซูกะ เป็นเด็กน่ารัก และด้วยความอ่อนแอของโนบิตะเอง แต่โนบิตะ ได้เพื่อนรักคือโดเรม่อนคอยช่วยเหลือ ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
Shizuka : ชิซูกะ
ชิซูกะ เป็นนางเอกของเรื่อง จัดว่าเป็นตัวละครที่น่ารักมาก เป็นที่หมายปองของเด็กทั่วไป รวมทั้งโนบิตะด้วย ซึ่งเขาหวังจะแต่งงานด้วยในอนาคต ชิซูกะเป็นคนที่ตรงข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง เธอเป็นคนเรียนเก่ง สอบได้คะแนนดีมาก ชอบดนตรี และสิ่งที่ชอบมากที่สุดการได้อาบน้ำ ในอนาคตชิซูกะได้แต่งงานกับโนบิตะจริงๆ แต่โนบิตะในอนาคต เป็นโนบิตะที่เป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบ และเป็นคนดีจริงๆ สำหรับชิซูกะ
Zuneo : ซูเนโอะ
ซูเนโอะ เป็นตัวละครที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเจ้าเล่ห์ คล้ายๆ สุนัขจิ้งจอก ปากแหลม ชอบยุให้ไจแอนท์ รังแกโนบิตะ ซูเนโอะเป็นคนที่ชอบคุยโวโอ้อวด เนื่องจากเป็นคนมีฐานะร่ำรวย สิ่งที่เพื่อนๆ อยากได้ เขามีครบทุกอย่าง มักมีของแพงๆ มาอวดเพื่อนๆ มีญาติพี่น้องที่ค่อนข้างฐานะดี มีชื่อเสียง มักจะหาเรื่องแกล้งโนบิตะบ่อยๆ เนื่องจากเขาเองก็หลงรักชิซูกะด้วยเหมือนกัน
Dekizugi : เดคิซูกิ ไจแอน
เดคิซูกิ เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ตรงกันข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง รูปหล่อ เรียนเก่ง ขยัน อุปนิสัยดี เป็นที่หมายปองของเด็กหญิงทั่วไป เดคิซูกิ ชอบมาติวหนังสือให้กับชิซูกะเสมอ ทำให้โนบิตะต้องอิจฉา นอกจากนี้เขายังเป็นนักกีฬาและเป็นที่รักของคนทั่วไปอีกด้วย แต่บทบาทของเขาจะน้อยกว่าโนบิตะมาก
Dorami : โดเรมี
โดเรมี หุ่นยนต์น้องสาวของโดเรม่อน โดเรมีถูกสร้างขึ้นมาทีหลังโดเรม่อน ถือว่าเป็นรุ่นใหม่กว่า ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าโดเรม่อน โดเรมี จะมีตัวสีเหลือ หูสีแดง มีกระเป๋าเก็บของวิเศษเหมือนโดเรม่อน แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดเรมีจะอยู่ในโลกอนาคตมากกว่า ไม่ค่อยปรากฏในโลกปัจจุบัน ยกเว้นในกรณีเหตุการณ์คับขัน ที่โดเรม่อนไม่สามารถแก้ไขได้ โดเรมีก็จะมาคอยช่วยเหลือเสมอๆ



อันดับเรื่องเบ็ดเตล็ดของ Doraemon

1.โดเรมอนมีกระเป๋าที่หน้าท้องที่ใส่ของที่มีรวมๆกันอยู่ 10000-100000 ตัน เป็นอย่างน้อย

2.โดเรมอนเคยเกือบตายตายอยู่ 1 ครั้งในเล่มสุดท้ายของภาคที่ ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ(ฟุจิโกะ F ฟูจิโอะ) เขียน และตายในภาคมูฟวี่ ในภาคตลุยอาณาจักรเมฆ

3.โดเรมอนมีของวิเศษอยู่เกือบ 600 ชิ้น
แต่ใช้จริงๆและมากที่สุด 6 ชิ้น
1)คอปเตอร์ไม้ไผ่
2)ประตู ทุกหนทุกแห่ง
3)ไทม์แมชชีน
4)ปืนลม
5)อุโมงกัลลิเวอร์
6)ไฟฉาย ขยายส่วน
4.โดเรมอนชื่ออเมริกาว่า ดิ๊ง-ด่อง สมัยก่อนบางครั้งไทยเรียกโดเรมอนว่าแมวน้อยจอมยุ่ง หรือแมวจอมกวน
5.เรื่องนี้ถ้าไม่มีโนบิตะ ก็จะไม่มีโดเรมอน

6. ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ตายในปี 1997 เวลาตีสอง ตั้งใจเขียนตอนจบให้ตายเหมือนกับเขา โดยให้โนบิตะเป็นมะเร็งตายในเล่ม 47(แต่ไม่เคยถูกตีพิมพ์)แต่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้มันไม่สอดคล้องกับบ่วงโซ่เวลาที่ดูยังไงก็ไม่สอดคล้องกับกา่รที่โนบิตะจะส่งตัวของโดเรมอนมา ก็เลยไม่ถูกตีพิมพ์
7.ภาคพิเศษมักจะเกิดจากความซุ่มซ่าม ความปากมาก ความซุกซน และความไม่รู้จักพอของโนบิตะ 

8.ภาคพิเศษของโดเรมอนที่มีตัวละครจากซีรีมากที่สุดคือ ตอนตลุยอาณาจักรเมฆ โดยเฉพาะคีโบจากตอน ลาก่อนคีโบ เล่มที่ 33

9.โดเรมอนส่งโดยโนบิตะก็จริง แต่คนที่ส่งจริงๆแล้วคือเซวาชิ

10.ตอนที่ยาวที่สุดในหนังสือการ์ตูนซีรีย์คือตอน ผู้ที่มาจากดาวการาป้าความยาว 50-52 หน้า
11.แต่ตอนตลุยอาณาจักรเวทมนต์เป็นเรื่องบังเอิญที่อยู่ดีๆทุกคนก็ใช้เวทมนต์

12.เพลงเปิดตัวของโดเรมอนได้รับการนำมาแปลและขับร้องในไทย 3 ครั้ง


13.ตัวละครที่ปรากฏมาตัวแรกสุดคือโนบิตะ 



14.ฉันทนา ธาราจันทร์ (น้าติ๋ม) ที่พากษ์เสียงโดเรมอนในปัจจุบันเป็นคนที่ภาคเสียงตั้งแต่สมัยที่โดเรมอนมาไทย   ว่ากันว่าหากขาดตัวเขา เช่นน้าติ้มเป็นไข้ โดเรมอนก็จะเป็นไข้ตาม หากน้าติ้มลากิจ โดเรมอนก็ลากิจตามเลยทีเดียว


15. ประตูทุกหนทุกแห่ีงไม่สามารถไปนรกกับสวรรค์ได้    
     แต่อาณาจักรเมฆเป็นภาคที่ไม่เกี่ยวกับการเดินทางไปของประตูทุกหนทุกแห่ีงเพราะว่าทหารประจำสวรรค์บังเิอิญเจออาณาจักรเถื่อนของพวกโดเรมอนสร้่างขึ้น

16.ภาคตลุยอาณาจักรป่าดงดิบ เป็นภาคที่มีโนบิตะ 2 คนโดยที่ไม่ต้องใช้ของวิเศษของโดเรมอนจำแลงขึ้นมา
17.โนบิตะและผองเพื่อนมักจะเดินทางไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์แต่ประวัติศาสตร์ไม่ยักกะเปลี่ยน

18.โนบิตะตั้งใจจะส่งโดเรมอนมาเพื่อให้ตัวเองในอดีตสบาย ดีขึ้น และเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ให้ตัวเองแต่งงานกับชิซูกะ



19.ไจโกะน้องสาวไจแอนมีชื่อจริงที่เด่นกว่านางเอกซะอีกชื่อ 
คริสตินา โกดะ
20.ซูเนโอะมีโคตรเหง้าตระกูลเก่าแก่มากตั้งแต่สมัยฟิวดัล(สมัยยุคซามูไรเรืองอำนาจ)
21.โนบิตะคือคนที่ทำให้โคตรเหง้าตระกูลเก่าแก่ของซูเนโอะมีตัวตนจนถึงทุกวันนี้(ไม่งั้นตระกูลฮาเนกาวะก็ถูกตัดหัวไปตั้งแต่สมัยนั้นแล้วถ้าโนบิตะไม่ช่วย)

22.โดเรมอนและผองเพื่อนมักจะใช้ปืนลมเป็นปืนหลักในการต่อสู้เหล่าร้ายในภาคเดอะมูฟวี่


23.ปืนลมในเรื่องโดเรมอน คือ วิวัฒนาการจากเทคโนโลยีที่มีอยู่จริงอาวุธประหลาดของนาซี เยอรมัน
24.โดเรมี เป็นตัวละคร ที่ผลุบๆโผล่ๆเหมือนขอมดำดิน


25.ชิซูกะมีนิสัยแย่ๆอยู่จุดหนึ่งคือสี ไวโอลินได้ห่วยมาก

26.โนบิตะมักจะกลัวชิซูกะไปรักเดคิสึกิมากที่สุด


27.ซึเนโอะได้รับบทเป็นตัวร้ายอย่างเด่นที่สุด และเท่ที่สุด คือรับบทเป็นซูเนนด้า(ซึ่งถูกอูเนนด้าสิงร่าง)ได้ในภาคของ ตอนตลุยอาณาจักรลม
28.โนบิตะรักยายมากที่สุด


29.พ่อแม่ของโนบิตะรักกันเพราะโนบิตะจัดฉากให้ทั้งคู่แต่งงานกัน


30.ไจแอนกลัวแม่มากที่สุดในโลก(ถึงอ้ายทาเคชิจะเกเรมากก็เถอะ)


31.ไจแอนเป็นตัวอะครเอกที่ปรากฏตัวเป็นคนสุดท้ายในบรรดา(ในบรรดา 5 คนในเรื่องนี้)
32.โนบิตะไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เลย(ยกเว้นเฉพาะ The movie)

33.ต่อจากข้อ
ในไทยมีชื่อเรียกโดราเอมอนอยู่ 3 ชื่อ 1)โดรามอน 2)โดเรมอน 3)โดราเอมอน


34. โดเรมอนมักจะซ่อนกระเป๋าสำรองใว้ที่ไต้เตียง

35. อาจารย์เป็นคนเดียวที่ไม่มีชื่อเรียกนอกจาก "อาจารย์หรือคุณครู"







36.โดเรมอนเป็นหุ่นยนต์แมวเพียงตัวเดียวที่มีความคิดไกล้เคียงกับมนุษย์และไม่มีระเบียบสุดๆ(ออกแนวไม่มีประสิทธิภาพ{แล้วส่งมาดูแลโนบิตะทำไมอ้ายเซวาชิ})

37.โนบิตะชอบการยิงปืนสไตล์คาวบอยแต่บังเอิญเสียงปืนดังไปหน่อยล่อโนบิตะลงไปนอนฟุบ

38.โดเรมอนหนักถึง 1.3 ตันเป็นอย่างน้อยแต่โนบิตะก็ยังอุ้มไหว
น้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม

39.โดเรมอนวิ่งเร็วถึง 129.3 กม./ชม.ก็จริง แต่ไจแอนมักจะจับได้ทันตลอด
โดเรมอน สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

40.โนบิตะมักจะใช้ของดีไปแก้แค้นและก็นำไปใช้ในทางที่เลวตลอด

41. เชื่อหรือไม่ว่าคุณโนบิ(พ่อของโนบิตะ)สูบบุหรี่มาตั้งแต่ ค.ศ.1974-ปัจจุบันแต่ไม่เป็นถุงลมโป่งพอง

42.ตอนที่สั้นที่สุดคือตอนที่แข่งขึ้นไปบนฟ้าและโดดร่มลงมา จำนวน 6-7หน้า 

43.โดเรมอนมีพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเอง

44.ตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้ยังเป็นปริศนาอยู่ และยังถกเถียงกันในวงการนี้ว่าจะให้จบยังไงซึ่งจนถึงทุกวันนี้แล้วมันก็ร่วมหลายสิบปีแล้วว่าตอนจบจะจบยังไง

45.โนบิตะปลอมเป็นผู้หญิง 2 ครั้งในซีรี่ทั้งหมด โดยที่ครั้งที่ ๑
ปลอมเป็นผู้หญิงแล้วไปหาพ่อในสมัยที่พ่อเป็นเด็ก ครั้งที่ ๒ ตอนตลุยอาณาจักรดินแดนสุริยัน 

46.ของวิเศษของโดราเอมอนมีอยู่หลายร้อยชิ้น เผลอๆเกือบ 600 ชิ้น
แต่เกือบทั้งหมดมันดูเหลวไหลในเชิงวิทยาศาสตร์

47.ชุดพากษ์ญี่ปุ่นเปลี่ยนในช่วงปี 200X ในขณะที่เมืองไทยยังไม่ได้  เปลี่ยนทั้งหมด

48.ไฟฉาย ย่อ-ขยายส่วน สามารถฉายให้กลับมาไซส์เดิมเป๊ะๆ(จริงแล้วๆต่อให้เป็นหุ่นยนต์มันยังยิงให้สัดส่วนผิดกันสักเซ็นติเมตรเลย)

49.บ้านเมืองไม่เจริญตามกาลเวลา

50.พวกเขาไม่เคยโต